Home » ข่าวความเคลื่อนไหวสื่อ

เปิดคำสั่งศาลปกครองสูงสุดเบรกประมูล 3G

Author by 23/09/10No Comments »

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 23 กันยายน 2553

คำสั่งศาลปกครองสูงสุด กรณีคำขอให้คุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา คดี 3จี

เปิดคำสั่งศาลปกครองสูงสุดยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ระงับการประมูลไลเซ่น 3 จี จนกว่าคดีจะสิ้นสุด

คดีนี้ผู้ฟ้องคดี บมจ.กสท   โทรคมนาคม ฟ้องว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ออกประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน 2.1 GHz   โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงขอให้ศาลเพิกถอนประกาศดังกล่าว และสั่งระงับการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่และอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะพิพากษา   ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองระงับการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน 2.1 GHz   และการดำเนินการต่อไปตามประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น   ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจึงยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลปกครองชั้นต้น

ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองในสามกรณี ดังนี้

กรณีที่ 1 ประกาศ กทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน 2.1 GHz     ที่ประกาศเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2553   ซึ่งเป็นกฎที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้น่าจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า   เมื่อ พ.ร.บ.องค์การจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง   วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543   ได้กำหนดให้คณะกรรมการร่วมมีอำนาจจัดทำแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่และตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ   ตลอดจนจัดสรรคลื่นความถี่ ระหว่างคลื่นความถี่ที่ใช้ในกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และกิจการวิทยุโทรคมนาคม   แม้ กทช. จะอ้างว่าคลื่นดังกล่าวเป็นคลื่นโทรคมนาคมตามที่กรมไปรษณีย์โทรเลขได้ประกาศไว้เดิม   และสอดคล้องกับตารางกำหนดความถี่วิทยุแห่งข้อบังคับของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศก็ตาม

แต่เมื่อ กทช. จะดำเนินการตามมาตรา 51 วรรค 1 ( 1)   (3)   (4)   และ (5)   แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวได้   ต้องมีการดำเนินการจัดทำแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่และตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ   ตลอดจนจัดสรรคลื่นความถี่ระหว่างคลื่นความถี่ที่ใช้ในกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์   และกิจการวิทยุโทรคมนาคมโดยคณะกรรมการร่วมก่อน ตามมาตรา 63   และมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.เดียวกัน

ข้อเท็จจริงปรากฏว่า   ไม่มีคณะกรรมการร่วมการจัดทำแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่และตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ   ตลอดจนจัดสรรคลื่นความถี่ระหว่างคลื่นความถี่ที่ใช้ในกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการวิทยุโทรคมนาคมจึงไม่เกิดขึ้น   ดังนั้น การกำหนดนโยบายและจัดทำแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคมและแผนความถี่วิทยุของ กทช. ตามมาตรา 51 วรรค 1 ( 1) แห่ง พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543   จึงมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย   ด้วยเหตุนี้ การออกประกาศของ กทช. จึงน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว

กรณีที่ 2 การให้กฎดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขให้ภายหลังหรือไม่   ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า   เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ยังไม่มีการประมูลและยังไม่มีการออกใบอนุญาตให้ผู้ชนะการประมูล   ดังนั้น   การที่ศาลจะมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามกฎต่อไป จึงมีผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องไม่มากนัก   เนื่องจากมีผู้มีสิทธิเข้าร่วมประมูลเพียง 3 ราย   หากให้มีการประมูลล่วงเลยไปจนถึงขั้นตอนการออกใบอนุญาตให้ผู้ชนะการประมูล   หากต่อมาศาลมีคำวินิจฉัยว่า   การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่ชอบด้วยกฎหมาย   ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายที่มากกว่า   และยากกว่าในการเยียวยาแก้ไขภายหลัง   โดยอาจเกิดกรณีฟ้องร้องเกี่ยวกับผลการประมูล   ทำให้เกิดปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนตามมา

กรณีที่ 3 การให้ทุเลาการบังคับตามกฎเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐหรือแก่การบริการสาธารณะหรือไม่   ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า   ในปัจจุบันการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 2G ได้มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ   อีกทั้ง กทช. ได้ยอมรับว่าในระยะแรกการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G ทำได้เพียงโครงข่ายขนาดเล็ก ไม่สามารถครอบคลุมได้ทั่วประเทศ และการจะครอบคลุมทั่วประเทศต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 4 ปี จึงเห็นได้ว่าการที่ขณะนี้ยังไม่มีการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G จึงไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่การบริการสาธารณะแต่อย่างใด

นอกจากนี้   แม้การดำเนินกิจการตามอำนาจหน้าที่ของ กทช. จะเป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะ   แต่การดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์สาธารณะก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความชอบด้วยกฎหมายด้วย

ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามประกาศ กทช.   เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน 2.1 GHz   ลงวันที่ 23 ก.ค. 2553   โดยให้ กทช. ระงับการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน 2.1 GHz     และการดำเนินการต่อไปตามประกาศดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น   ทั้งนี้   ตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเป็นต้นไป

ศาลปกครองสูงสุด
23 กันยายน 2553

ตุลาการเจ้าของสำนวน   นายพรชัย   มนัสศิริเพ็ญ
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด องค์คณะที่ 5 นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล   ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด   นายไพบูลย์   เสียงก้อง   ตุลาการศาลปกครองสูงสุด   นายสุเมธ   รอยกุลเจริญ   ตุลาการศาลปกครองสูงสุด   นายสุชาติ   มงคลเลิศลพ   ตุลาการศาลปกครองสูงสุด   นายพรชัย   มนัสศิริเพ็ญ   ตุลาการศาลปกครองสูงสุด